เดือนธันวาส่งท้ายสิ้นปีมาแระ เรียนกันมาเยอะ ท่องไวยากรณ์ก็เหนื่อยเพลียฮาร์ท วันนี้เรามาพักด้วยโพสเบาๆ กันกลางสัปดาห์มั่งดีกว่านะคะ
วันนี้สุ่ยหลินจึงขอรวบรวมเรื่องแปลกเกี่ยวกับคนจีนในสายตาคนไทยอย่างเรา มาอ่านกันเล่นๆ ดีกว่า ต้องบอกก่อนเรยว่าทั้งหมดเป็นคหสต. (ความเห็นส่วนตัว--อธิบายหน่อยเดวงง) ของสุ่ยหลินคนเดียวนะครัชช คนอื่นอาจจะว่าไม่แปลกก็ได้
ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจจะหมายถึงเป็นการว่ากล่าวอะไรเลยน้า เพราะจริงๆ บางเรื่องแปลกในสายตาเราแต่ไม่แปลกในสายตาเค้า เรื่องแบบนี้ทุกบ้านทุกเมืองก็มี เค้าว่าแปลกเราว่าไม่แปลก เพราะเป็นเรื่องของความเคยชิน วัฒนธรรม ประเพณี เข้ามาเกี่ยวข้องจ้าา
แพล่มมานานแระ ติดตามค่าา^^ คุณผู้อ่านมีเรื่องไหนที่คิดว่าแปลกมาแชร์กันได้นะจ๊ะ อิ อิ
เรื่องแรก กางเกงเด็กตูดขาด
ส่วนเรื่องจะสะดวกไป จนจะฉี่ที่ไหนก็ได้ก็อีกเรื่องนึงเนอะ แหะๆ
กางเกงแบบนี้ภาษาจีนเค้าเรียก 开裆裤 [kāidāngkù]
เรื่องที่สอง ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ กัน
ตอนแรกๆ ที่สุ่ยหลินไปเรียนเมืองจีน นึกแปลกใจ (อยู่ในใจ) ว่าทำไมคนจีนที่เห็นกันบ่อยๆ เช่น อาหยี (แม่บ้าน) พนักงานเสริฟ แม้กระทั่งเหล่าซือในมหาลัยใส่เสื้อซ้ำๆ กัน คำว่าซ้ำกันในที่นี้คือเสื้อลายเดียวกันเป๊ะ เมื่อวานใส่ วันนี้ใส่ พรุ่งนี้ใส่ แต่ตัวเดียวกันป่าวไม่แน่ใจนะ (ตอนนู้น)
สุ่ยหลินเองก็ไม่รู้จะถามใคร ภาษาจีนก็ไม่เก่งกล้า ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ จนเวลาผ่านไปได้คุยกับเพื่อนเกาหลี ซึ่งตอนนั้นภาษาจีนพัฒนาขึ้นมามั่งแล้ว ปรากฏว่าเพื่อนเกาหลีก็คิดเหมือนกัน เพื่อนญี่ปุ่นก็คิดเหมือนกัน ถึงตอนนั้นมีการท้าทายกันว่าวันนี้เหล่าซือจะใส่เสื้อซ้ำกะเมื่อวานหรือป่าว แหะๆ ><' (ร้ายจิมๆ)
ตอนหลังแลจึงเกทว่าคนจีนเค้าใส่ซ้ำกันจิงๆ แหละ เพราะว่าแต่ก่อนเสื่้อผ้าก็ไม่ได้หาง่าย มีตังค์ก็ซื้อไม่ได้ (คอมมิวนิสต์) คนนึงได้แจกเสื้อผ้าไม่กี่ชุด แดดก็ไม่ค่อยจะมี กว่าจะซักกว่าจะตากเมื่อไหร่จะแห้ง
แถมอากาศก็หนาว จึงเป็นเรื่องธรรมดามากเรยอ่ะที่จะใส่เสื้อผ้าหนึ่งชุดซ้ำกันหลายๆ วัน เช่นนี้แล
ปอลิง สุ่ยหลินว่าใส่เสื้อผ้าซ้ำโอเค แต่ผมไม่สระไม่โอเคอ่ะ ซึ่งอันนี้ก็ไม่เกี่ยวกะคนจีน ชาติไหนก็เหมือนกันเนอะ เวลาขึ้นรถเมล์แล้วผมพัดผมยาวแบบไม่สระตีหน้าเราเพียะๆ มันเกินบรรยายจริงๆ กั๊บบบ
เรื่่องที่สาม กินโค้กตอนร้อนๆ
เมนูนี้มีจิงๆ ค่าคนจีนเก๊าเรียก 姜汁可乐 [jiāngzhī kělè] คือเอาขิงแว่นมานาบจนร้อน แล้วเติมโค้กกับเลมอนฝาน เสิร์ฟตอนร้อนๆ เลย เค้าว่าช่วยเรื่องกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดีล่ะ
สุ่ยหลินเห็นครั้งแรกนึกว่าเต้าฮวย แต่ดันมีเลมอนฝานนี่จิ อาไรหว่า...??!!
นอกจากนี้ ตู้แช่ที่เมืองจีนมีแบบตู้ร้อนด้วย เหมือนว่าเราอยากกินกาแฟกระป๋องแบบร้อนแบบนั้นอ่ะค่ะ แต่ในตู้ แช่ทุกอย่างไม่เฉพาะกาแฟ มีโค้ก (ยังไหว!) มีหล่อฮังก้วย (ยังได้!) มีน้ำผลไม้ (เอ้ยยย...) แต่ค่ะ..คนจีนเค้ากินกันแบบนี้แระ
ปอลิง น้ำผลไม้เวอร์ชั่นกระป๋องร้อน ไม่โอเคสำหรับสุ่ยหลินเลยอ่ะ มันเหมือนยาแก้ไอ พิก๊ล พิกลๆ
เรื่องที่สี่ ระหว่างเธอกับชั้น เราใกล้ชิดกันเกิ๊น
เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องของระยะห่างระหว่างบุคคลค่าา สุ่ยหลินไปเรียนเมืองจีนใหม่ๆ รู้สึกอึดอัดใจนึดนึงตรงที่เวลาคนจีนที่เป็นคนแปลกหน้า เวลาเดินกันมักชอบมาเฉียดมาชนเรา ทั้งๆ ที่เหลือที่ว่างตั้งเยอะแยะ จะเดินตรงนู้นก็ได้ไม่เห็นต้องมาเดินเฉียดหรือใกล้ๆ เราเลย แถมเค้าเองก็ไม่รู้ไม่ชี้ที่เราอึดอัดด้วยสิ
หรือเวลาขึ้นรถไฟฟ้า เคยเอาหนังสือขึ้นมายืนอ่าน ปรากฏว่ามีคนข้างๆ มาร่วมอ่านอย่างใกล้ชิดด้วยค่ะ ใกล้ชิดขนาดว่าคางเค้ากะไหล่เราเกือบชนกัน แทบจะซบกันเรยทีเดียวเชียว ถ้าเป็นหนุ่มก็คงจะดีเนอะอร๊ายยย..แต่คือเค้าเป็นผู้หญิงอ่ะค่ะ (เศร้าแพรบ) หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นว่าเวลาคนจีนเค้าอ่านอะไร ถ้ามีคนสนใจ เค้าก็ร่วมอ่านด้วยกันอย่างใกล้ชิด (เป็นหมู่คณะก็มี) ถึงแม้เป็นคนแปลกหน้าก็ตามเหอะ
เคยถามเหล่าซือที่มหาลัย เหล่าซือว่าคนจีนเคยชินกับสังคมที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นคนหมู่มากๆ ดังนั้นระยะห่างระหว่างบุคคล (personal distance) ของเค้าก็จะไม่มี private เท่าเมืองฝรั่งหรือแม้แต่เมืองไทยค่า
ตอนนี้สุ่ยหลินนึกออกแค่นี้ ใครมีอะไรมาเสริมมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันน้า ถือว่าทำความเข้าใจ ทำความรู้จักกับคนจีน ประเทศที่เรากำลังตั้งหน้าตั้งตาขะมักเขม้นเรียนภาษาของเค้าอยู่นี่เรย
สุ่ยหลิน^^
---------------------------------------------
สุ่ยหลินเริ่มมาเขียน Blog ได้ยังไงนะ?? มีคุณผู้อ่านถามมาค่า^^
จริงๆ สุ่ยหลินเริ่มจากเขียนหนังสือมาก่อน เขียนไปเขียนมาตอนนี้ก็ 4 เล่มล่ะ (ดูหนังสือของสุ่ยหลินคลิก http://goo.gl/sczOCm )
ต่อมาก็เปิด Fanpage เรียนจีนให้ได้จีน หลังๆ มา Fanpage หน้า Newsfeed ไปเร็วมากๆ โพสที่เคยเขียนไว้คุณผู้อ่าน อ้าว! หาไม่เจอแระ เพราะ Newsfeed ไปแล้วไปเลยหายากมาก ไม่สะดวกกับคุณผู้อ่านเลยนะ จึงเป็นที่มาของการเปิด Blog เพื่อรวบรวมงานเขียนของสุ่ยหลินไว้ที่เดียว หาง่ายด้วยนะ
แต่ไม่ว่าจะทั้ง Fanpage หรือ Blog สุ่ยหลินตั้งใจมากๆ ค่ะที่จะเขียนโพสให้ดี ให้คุณผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจง่าย รู้สึกว่าภาษาจีนสนใจ ไม่น่าเบื่อ เอาไปใช้งานได้จริง หลายๆ โพสสุ่ยหลินเขียนเป็นชั่วโมงเลยค่ะ^^ (แต่เต็มใจน้า อุอิ อุอิ)
เป็นกำลังใจให้สุ่ยหลิน ด้วยการติดตามสุ่ยหลินตามช่องทางข้างล่างนี้ได้เรยจ้าาา ขอบคุณคร้าาบบบป๋ม^^
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ น่าสนใจ มีสาระเกี่ยวกับภาษาจีนได้ที่
FB: https://www.facebook.com/chinesexpert/
Blog: http://chinesexpert.blogspot.com/
Line@ : @xulin
---------------------------------------------
สุ่ยหลินเริ่มมาเขียน Blog ได้ยังไงนะ?? มีคุณผู้อ่านถามมาค่า^^
จริงๆ สุ่ยหลินเริ่มจากเขียนหนังสือมาก่อน เขียนไปเขียนมาตอนนี้ก็ 4 เล่มล่ะ (ดูหนังสือของสุ่ยหลินคลิก http://goo.gl/sczOCm )
ต่อมาก็เปิด Fanpage เรียนจีนให้ได้จีน หลังๆ มา Fanpage หน้า Newsfeed ไปเร็วมากๆ โพสที่เคยเขียนไว้คุณผู้อ่าน อ้าว! หาไม่เจอแระ เพราะ Newsfeed ไปแล้วไปเลยหายากมาก ไม่สะดวกกับคุณผู้อ่านเลยนะ จึงเป็นที่มาของการเปิด Blog เพื่อรวบรวมงานเขียนของสุ่ยหลินไว้ที่เดียว หาง่ายด้วยนะ
แต่ไม่ว่าจะทั้ง Fanpage หรือ Blog สุ่ยหลินตั้งใจมากๆ ค่ะที่จะเขียนโพสให้ดี ให้คุณผู้อ่านอ่านแล้วเข้าใจง่าย รู้สึกว่าภาษาจีนสนใจ ไม่น่าเบื่อ เอาไปใช้งานได้จริง หลายๆ โพสสุ่ยหลินเขียนเป็นชั่วโมงเลยค่ะ^^ (แต่เต็มใจน้า อุอิ อุอิ)
เป็นกำลังใจให้สุ่ยหลิน ด้วยการติดตามสุ่ยหลินตามช่องทางข้างล่างนี้ได้เรยจ้าาา ขอบคุณคร้าาบบบป๋ม^^
FB: https://www.facebook.com/chinesexpert/
Blog: http://chinesexpert.blogspot.com/
Line@ : @xulin
No comments:
Post a Comment