Monday, August 31, 2015

สั่งอาหารที่จีน! ฉบับไม่ต้องเก่งจีนก็สั่งได้นะ! (点菜简单用语)

สุ่ยหลินว่าหนึ่งในเรื่องที่น่าอึดอัดใจที่ซู้ดเวลาไปเมืองจีนก็คือ...การสั่งอาหารที่เมืองจีน  - - ' โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกร้านท้องถิ่นทั้งหลาย ยิ่งสั่งยากกกซซ์กว่า Mcdonald หรือ KFC เข้าไปอีก (เพราะพวกนั้นชี้ๆ เอาก็ได้)

เหตุผลเพราะทำไมน่ะเหรอ??? สุ่ยหลินว่าคนที่เคยไปเมืองจีนแล้วจะรู้ดีเลยค่าา

ก็เพราะว่า...เมนูอาหารน่ะมักไม่มีภาษาอื่นเลยนอกจากภาษาจีน เมนูที่เป็นรูปภาพก็น้อยด้วย ส่วนใหญ่ไม่มีรูป แถมบางร้านไม่มีเมนูอีกตังหากแต่เขียนไว้บนกำแพงแทน (เหมือนของไทยอ่ะค่ะ) และปกติเมนูที่เขียนไว้เนี่ยมักอ่านจากบนลงล่าง ไม่ได้อ่านจากซ้ายไปขวานะ สุ่ยหลินเคยไปตั้งหน้าตั้งตาอ่านจากซ้ายไปขวาอยู่นาน ตอนนั้นพกดิกไปด้วย ! หือมมม์!! คนมองกันทั้งร้าน แต่สรุปก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฮ่วยยย!

นอกจากเรื่องเมนูแล้ว ก็เป็นเรื่องที่พนักงานร้านมักพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เหมือนกรุงเทพฯ ที่พนักงานร้านส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง ดังนั้น คนจีนในเมืองยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ดังนั้น ลืมได้เลยที่พนักงานในร้านจะพูดภาษาอังกฤษได้อ่ะค่ะ T_T

เมนูอ่านก็ไม่ออก พนักงานก็คุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วเราจะกินอะไรได้ นอกจากกินตามโต๊ะข้างๆๆ โธ่..ถัง! ไม่ชอบกินนี่อ่ะ แต่ก็ต้องกินเพราะโต๊ะข้างๆ กิน (สุ่ยหลินเป็นมาแว้ววว)

เอาล่ะ! วันนี้สุ่ยหลินมีทางเลือกมาให้ค่าา คำพูดพวกนี้เค้าใช้กันบ่อยๆ ในร้านนะ มั่นใจว่าไปสิบร้านต้องได้ยินสองร้าน เอ้ย ต้องได้ยินเก้าร้านค่าาา ^^^

ติดตามกันเล้ย สุ่ยหลินว่ามีประโยชน์กะคนจะไปเมืองจีน ไปเที่ยวก็ดี ไปเรียนก็ได้ ไปทำงานยิ่งดีใหญ่^^

โพสนี้ใจดี เขียนคำอ่านภาษาไทยให้นะคะ เผื่อสำหรับใครที่เป็นมือใหม่ภาษาจีนมาอ่าน  แต่แฟนเพจสุ่ยหลินต้องหัดอ่านพินอิน และยิ่งดีกว่านั้นถ้าจะอ่านตัวจีนนะคะ พยายามเข้าจะได้เก่งๆ  加油 加油!!

ภาพจาก www.hao-net.com

1. พอเข้าไปในร้าน จะได้ยินพนักงานถามว่า 
几位?[jǐ wèi] (จี่ เว่ย) =  มากี่คน?

ให้ยกนิ้วตอบเค้าไป 
จบไปหนึ่ง


2. เวลาจะเรียกพนักงานเสิร์ฟให้เรียกว่า 服务员!  (ยกมือกวักได้ไม่ผิดกติกา) 
服务员! [fú wù yuán] (ฝู อู้ หยวน) = พนักงานเสิร์ฟ

ขอเมนูให้พูดว่า 
请给我菜单。 [qǐng gěi wǒ càidān ] (ฉิง เก๋ย หว่อ ไช่ ตัน)
หรือเอาสั้นๆก็พูดแค่  菜单。[càidān ] (ไช่ ตัน) เฉยๆก็ได้

จบไปสอง


3. สั่งอาหารให้บอกว่า 点菜!
点菜! [diǎn cài] (เตี่ยน ไช่)

ที่นี้ถึงตอนยากแระนะคะ ว่าจะสั่งอะไรดี สุ่ยหลินมีประโยคแนะนำดังนี้ค่าา 

这里最火的菜是什么? [zhè lǐ zuì huǒ de cài shì shénme] (เจ้อ หลี่ จุ้ย หั่ว เตอะ ไช่ ซื่อ เสิน เมอะ) = อาหารจานเด็ดของที่นี่คืออะไรจ๊ะ?

今天有什么特色菜?[Jīntiān yǒu shénme tèsè cài] (จิน เทียน โหย่ว เสิน เมอะ เท่อ เซ่อ ไช่ )= เมนูพิเศษของวันนี้คืออะไรจ๊ะ?

ฟังพนักงานเสิร์ฟตอบกลับมาเสร็จให้กลั้นใจบอกว่า 一份![ yī fèn] (อี๋ เฟิ่น)= เอาจานนึง (อะไรไม่รู้ เดวไปรู้ตอนกิน)

หรือ 

这个, 一份  [zhège, yī fèn] (เจ้อ เกอะ,อี๋ เฟิ่น)= เอาอันนี้จานนึง  (ชี้เอาจากโต๊ะข้างๆ หรือจิ้มเมนูถ้ามีรูป)

หรือบอกชื่ออาหารข้างล่างพวกนี้นะจ๊ะ

อาหารที่เจอว่าสั่งบ่อยๆ 
  • 米饭  [mǐ fàn] (หมี่ ฟ่าน)  = ข้าว
  • 粥 [zhōu] (โจว) = โจ๊ก
  • 青菜 [qīng cài] (ชิง ไช่) = ผัก
  • 面条 [miàn tiáo] (เมี่ยน เถียว) = ก๋วยเตี๋ยว

ถ้าเป็นเนื้อแบบที่เจอบ่อยๆ 
  • 牛肉  [niú  ròu] (หนิว โร่ว) = เนื้อวัว
  • 猪肉 [zhū ròu] (จู โร่ว) = เนื้อหมู
  • 羊肉 [yáng ròu] (หยาง โร่ว) = เนื้อแกะ
  • 鸡肉 [jī ròu] (จี โร่ว) = เนื้อไก่

เครื่องดื่มแบบที่เจอบ่อยๆ
  • 矿泉水 [Kuàngquán shuǐ] (คว่าง เฉวียน สุ่ย) = น้ำแร่ (เพราะถ้าบอกว่าน้ำเปล่า บางร้านเอาน้ำก๊อกมาให้กินอ่ะค่ะ น้ำก๊อกเมืองจีนกินบ่ได้ทั่วไปแบบเมืองฝรั่งนะคะ เดวจู๊ดๆ)
  • 茶 [Chá] (ฉา) = ชา 
  • 可乐 [Kělè] (เข่อ เล่อ) = โค้ก
  • 咖啡 [Kāfēi] (คา เฟย) = กาแฟ
ถึงตอนนี้สุ่ยหลินว่าเราน่าจะรอดระดับหนึ่งล่ะ ได้กินแล้วววว เฮๆๆ

4. เรียกเก็บตังค์ให้บอกว่า 买单!
买单 [mǎi dān] (หม่าย ตัน) = เก็บตังค์

ห่อกลับบ้านให้บอกว่า
打包 [dǎbāo] (ต่า เปา)

ส่วนเป็นเงินเท่าไหร่นั้น เดวเค้ากดเครื่องคิดเลขหรือเขียนใส่กระดาษให้เราดูเอง จ่ายเงินเป็นอันเสร็จจ้า

เย่! เสร็จแล้วค่าภารกิจเรื่องกิน เรื่องใหญ่ยิ่งชีพของเรา สุ่ยหลินหวังว่าจะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้าน้าาาาา

สุ่ยหลิน^^





Sunday, August 30, 2015

15 ไอเดีย DIY (自己动手做) แบบเมพๆ

สุ่ยหลินเป็นอีกคนที่ไม่เอาไหนเรื่องงานบ้านและ DIY เลย เห็นบางคนแล้วก็อิจฉา ว่าทำอะไรแปปๆ เย็บอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้เป็นงานฝีมือมาอวดแล้ว เห็นแล้วชอบมากๆ เลยค่ะ แต่ก็ได้แค่มองปริบๆ เพราะทำไม่เป็นอยู่ดี T_T

พอดีไปเจอลิงค์นี้มาค่ะ คนจีนเค้าเอามาแชร์ คิดว่าแชร์จากฝรั่งมาอีกต่อ สุ่ยหลินว่าท่าทางจะไม่ยาก บางอย่างก็คิดไม่ถึง เลยเอามาแชร์ให้แฟน blog แฟนเพจกันนะคะ

ติดตามโลดดดจ้า

ปอลิง อันที่อยู่ในวงเล็บสุ่ยหลินเขียนอธิบายเพิ่มเติมเองเพื่อความเข้าใจนะคะและก็เพิ่มศัพท์จีนง่ายๆ เข้าไปด้วย เราจะได้เรียนภาษาจีนกันด้วยระหว่าง DIY อิ อิ

สุ่ยหลิน
#ภาษาจีน

เครดิต http://mp.weixin.qq.com/mp/appmsg/show?__biz=MzA4OTEyMDgzMg%3D%3D&appmsgid=10012039&itemidx=3&sign=e601f1978365ef2b6cbc82cb8522666b&scene=1&from=singlemessage&isappinstalled=0#wechat_redirect


1。不要说你没地方挂衣服了。 [Bùyào shuō nǐ méi dìfāng guà yīfú le] = 
ห้ามบอกนะว่าเธอไม่มีที่จะแขวนเสื้อแล้ว 
(ใช้ฝากระป๋องเป็นตัวเพิ่มที่แขวนเสื้อในตู้)

挂 [guà] = แขวน (ต้องมี 扌 มืออยู่ข้างๆ เพราะแขวนก็ต้องใช้มือแขวนค่า)





2。鸡蛋不但圆还有洋葱味。 [Jīdàn bùdàn yuán hái yǒu yángcōng wèi] =ไข่ไม่เพียงแต่กลม (น่ากิน) แถมยังมีรสหัวหอมด้วย

洋葱 [yáng cōng] = หัวหอม
味 [wèi] =  รสชาติหรือกลิ่น

ชอบอันนี้ที่สุด เดวจะต้องลองสักหน่อย แต่หัวหอมบ้านเราลูกเล็กยัง วงใหญ่ๆ หยั่งงี้ไม่ค่อยเห็นนะคะ



3。宿舍洗澡 。  [Sùshè xǐzǎo] = สำหรับอาบน้ำที่หอพัก (หอพักบางแห่งมีแต่หัวก๊อกออกมาวิธีนี้ช่วยให้มีชาวเวอร์อาบน้ำอย่างง่ายๆ)

洗澡 [xǐ zǎo] = อาบน้ำ




4。刷油漆时候可以在桶中间放根绳子,不用抹边缘。 

[Shuā yóuqī shíhòu kěyǐ zài tǒng zhōngjiān fàng gēn shéngzi, bùyòng mǒ biānyuán] 

เวลาจุ่มแปรงลงในสีน้ำมัน ให้เอาเชือกมาขึงตรงกลาง ได้ไม่ต้องเอาแปรงมาปาดสีที่ขอบถัง (ไม่ต้องเลอะขอบถังเป็นคราบๆ)

刷 [shuā] = แปรง (กริยา)
油漆 [yóu qī] =  สีน้ำมัน
绳子 [shéng zi] = เชือก
抹 [mǒ] = ปาด** 
(มี 扌 มืออยู่ข้างๆ เพราะปาดก็ต้องใช้มือทำเหมือนแขวน挂 [guà]^^)
边缘 [biān yuán] = ขอบ






5。钉钉子别用手。[Dìng dīngzi bié yòng shǒu] =  ตรึงตะปู (ให้นิ่ง) โดยไม่ต้องใช้มือ  

(เพราะถ้าใช้มือมันช่างล่อแหลมที่โดนตอกบนมือเรา มากกว่าตอกบนตะปู T_T)

钉 [dìng] =  ทำให้นิ่ง (กริยา)
钉子[dīng zi] =  ตะปู (คำนาม)


สังเกต สองตัวข้างบนนี้เขียนเหมือนกันเด๊ะๆ แต่ออกเสียงไม่เหมือนกันค่าา



6。据说这样煮汤不会溢出来,原因嘛。。。【中间部分不能达到两边溢出的最高值】

[Jùshuō zhèyàng zhǔ tāng bù huì yìchū lái, yuányīn ma...[Zhōngjiān bùfèn bùnéng dádào liǎngbiān yìchū de zuìgāo zhí]

ว่ากันว่าต้มน้ำแกงแบบนี้น้ำแกงจะไม่เดือดล้นออกมา เพราะว่า (น้ำแกง) ตรงกลางไม่สามารถมีระดับสูงเท่าด้านข้างสองข้างได้

溢  [yì] = เดือดหรือล้น
溢出来 [yì chū lai]  = แสดงอาการว่าเดือดจนล้นออกมา


ปอลิง อักษร 氵(三点水) [Sān diǎn shuǐ] แปลเป็นไทยว่า "น้ำ 3 จุด" ใช้แทนคำที่มีความเกี่ยวพันกะน้ำค่าาา เช่น 溢 คำข้างบนแปลว่าเดือด, 江 [jiāng] = แม่น้ำแยงซีเกียง, 池 [chí] = สระน้ำ, 汗 [hàn] = เหงื่อ, 汤 [tāng] = น้ำแกง เป็นต้น




7。没水龙头,这样接水好了。[Méi shuǐlóngtóu, zhèyàng jiē shuǐ hǎole] =ไม่มีก๊อกน้ำเหรอ ทำแบบนี้ก็รองน้ำได้ (แต่ห้ามเอาที่โกยขยะที่ใช้แล้วมาใช้นา)

水龙头[shuǐlóngtóu] = ก๊อกน้ำ




8。夏天福利~快速冰啤酒、可乐等:放进冰箱之前贴上湿的面巾纸,冰的快。 

[Xiàtiān fúlì ~kuàisù bīng píjiǔ, kělè děng: Fàng jìn bīngxiāng zhīqián tiē shàng shī de miànjīnzhǐ, bīng de kuài]

หน้าร้อนอยากให้เบียร์หรือโค้กเป็นน้ำแข็งเร็วๆ ก่อนใส่ตู้เย็นเอากระดาษทิชชู่เปียกมาห่อ จะทำให้เบียร์หรือโค้กเป็นน้ำแข็งเร็วขึ้น (เพิ่งงงรู้!!)

贴上 [tiē shàng] = เอามาติด
湿 [shī] = เปียก** มีตัว 氵อยู่ข้างๆ ด้วยน้าเพราะเปียกก็เกี่ยวกับน้ำเหมือนกัลล
面巾纸 [miàn jīn zhǐ] = กระดาษทิชชู่เช็ดหน้า




9。把心爱的手机放地上充电。。。。心疼? 试试这个吧~ 

[Bǎ xīn'ài de shǒujī fàng dìshàng chōngdiàn.... Xīnténg? Shì shì zhège ba ~]

เอาโทรศัพท์มือถือสุดที่รักวางไว้ที่พื้นชาร์ตแบต ปวดใจเหรอ? (คนเขียนแซวว่าเป็นของสุดที่รักไม่อยากวางลงพื้น) งั้นลองวิธีนี้สิ

充电 [chōng diàn] = ชาร์ตแบต (โทรศัพท์)




10。手机支架- - 还有照片展示。 

[Shǒujī zhījià- - hái yǒu zhàopiàn zhǎnshì]

ที่วางโทรศัพท์มือถือ ไว้ดูหนัง ฟังเพลงแบบไม่ต้องถือให้เมื่อย (ไอเดียดีค่ะ ไว้สำหรับเคสที่ไม่มีที่วางในตัว)

支架 [zhī jià] = ที่วาง, ที่สนับสนุน





11。旧雨伞回收利用。 [Jiù yǔsǎn huíshōu lìyòng] = ร่มเก่าก็เอามารีไซเคิลได้

回收利用 [huí shōu lì yòng] =  รีไซเคิล  





12。原来夹子可以这么用。 [Yuánlái jiá zǐ kěyǐ zhème yòng] = คลิปอันเดิมข้างบน สามารถใช้แบบนี้ได้ด้วย (ใช้คลิปเป็นที่ตั้งขวดไวน์)

夹子[jiā zi] = คลิป




13。储存防潮吃不完的东西。 [Chúcún fángcháo chī bù wán de dōngxī] = ที่กันชื้นสำหรับของที่กินไม่หมด

(ไดโซะ 60 บาทไม่ได้ตังเราแล้วล่ะ หุ หุ)





14。如何使一个心脏形蛋。[Rúhé shǐ yī ge xīnzàng xíng dàn] = วิธีทำไข่รูปหัวใจ (กิ๊บเก๋ชเนเดอร์!!)


心脏形 [Xīnzàng xíng] = รูปทรงหัวใจ






15。废罐头盒做成的花盆。[Fèi guàntóuhé zuò chéng de huā pén]  = เอากระป๋องใช้แล้วเปลี่ยนเป็นกระถางต้นไม้เก๋กู้ดดด


罐头盒 [guàntou ] = กระป๋องสำหรับใส่อาหาร




อ่านจบแล้วได้ไอเดีย DIY กันมั่งไหมคะ? ทำเสร็จแล้วมาอวดสุ่ยหลินในเพจมั่งนะคะ ให้สุ่ยหลินอิจฉาาาา จะได้ลุกไปทำงานฝีมืออะไรได้กะเค้ามั่งงง^^

สุ่ยหลิน

Tuesday, August 25, 2015

บอกเวลาภาษาจีนให้เป๊ะ ด้วย 后 และ 前!

สุ่ยหลินคิดว่าพวกเราคงเรียนเรื่องคำบอกเวลามาบ้างแล้ว ตั้งแต่ระดับพื้นฐานก็เช่น 昨天 [zuótiān] = เมื่อวาน 今天 [Jīntiān] = วันนี้ และ 明天 [Míngtiān] = พรุ่งนี้

ถ้าหากว่าเป็นปี ภาษาจีนใช้ 去年 [Qùnián] = ปีที่แล้ว 今年 [Jīnnián] = ปีนี้ 明年 [Míngnián] = ปีหน้า

ก็จะเห็นว่าวิธีการใช้คล้ายๆ กันใช่ป่าวคะ ต่างกันนิดหน่อย ตรงเมื่อวานใช้ว่า 昨天 กับปีที่แล้วที่ใช้ว่า 去年 ที่เหลือก็เป็นแพทเทริ์นเดียวกันหมด


เอ… ว่าแต่เกริ่นมาเกี่ยวยังไงกับ 后 และ 前 ตามพาดหัวล่ะ?


ภาพจาก www.guatu.net


คือหยั่งงี้ค่าา ที่เกริ่นมาก็คือว่า 后และ 前 จริงๆ ก็ใช้เป็นคำบอกเวลาของวันและปีได้ด้วยนะ วิธีจำง่ายๆ ก็ต้องเริ่มจากดูคำแปลกันก่อน  后 [hòu] ก็คือ ข้างหลัง ส่วน 前 [qián] ก็คือ ข้างหน้า

ทีนี้พอมาใช้ร่วมกับ  天 หรือ 年 บางคนอาจจะมีแปลแล้วมึนเล็กน้อย เช่น 后年  [Hòu nián] แปลตรงตัวเป็นไทยๆ ว่า "ปีข้างหลัง" ว่าแต่ปีข้างหลัง มันคืออดีตหรืออนาคตกันแน่???

มาดูวิธีการจำแบบคราวต่อไปไม่มีงงแน่ๆ กันค่ะ 

ให้เราลองคิดตามว่า อนาดตคือเรื่องที่ยังไม่เกิดเรามองไม่เห็น เปรียบเหมือนมันอยู่หลังเรา (เพราะเราไม่มีตาอยู่ข้างหลังซักหน่อย) ดังนั้น 后+ 天 หรือ 年 จึงเป็นเวลาที่มองไม่เห็นเพราะยังไม่เกิด ดังนั้นจึงเป็นอนาคต

ส่วนอดีตคือเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เราเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เราเห็นได้เพราะอยู่ตรงหน้าเรา (เพราะตาเราก้ออยู่ข้างหน้าด้วย)  ดังนั้น 前+ 天 หรือ 年 จึงเป็นเวลาที่มองเห็นแล้วเพราะเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงเป็นอดีต

รูปหลังรวมร่างเมื่อ 后และ 前 รวมกับ 天หรือ 年จะแปลว่าอะไรได้มั่ง?


  • 后天 [Hòutiān] = วันมะรืน (วันถัดจากวันพรุ่งนี้ - อนาคต)
  • 前天 [Qiántiān] =  เมื่อวานซืน (วันก่อนเมื่อวาน - อดีต)


  • 后年 [Hòu nián]  = ปีมะรืน (อนาคต) 
  • 前年[Qiánnián] = ปีก่อนปีที่แล้ว (อดีต)

คราวนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าอยากบอกปีหรือวันที่ไกลกว่าหรือถอยไปมากกว่าแค่ "มะรืน" หรือ "ก่อนหน้าวันวาน" ล่ะ ไม่ยากเลยค่า ให้ใส่จำนวนปีหรือวันแลัวตามด้วย 后 หรือ 前 ขึ้นอยู่กับว่าจะกล่าวถึงอนาคตหรืออดีต เช่น

  • 三年后 [Sān nián hòu] = อีกสามปีข้างหน้า (อนาคต) 
  • 五年前 [Wǔ nián qián] =  ห้าปีก่อน (อดีต)
เห็นไหมว่าไม่ยากเลย เหมือนภาษาไทยเด๊ะๆ ค่าา


ภาพจาก http://yd.sina.cn/--แปล ฤดูใบไม้ผลิปีก่อน  VS ฤดูใบไม้ผลิปีหลัง

นอกจากใช้ 前 หรือ 后 กับวันหรือปีแบบตัวอย่างข้างบนแล้ว เรายังใช้  前 หรือ 后 ตามหลังจุดเวลาหรือเหตุการณ์ก็ได้นะ เช่น 

减肥前 [jiǎnféi qián] = ก่อนลดน้ำหนัก 
减肥后 [jiǎnféi hòu] = หลังลดน้ำหนัก
春节前 [chūnjié qián] = ก่อนตรุษจีน
春节后 [chūnjié hòu] = หลังตรุษจีน

ง่ายมะ วิธีใช้เหมือนภาษาไทยเลยล่ะ สุดท้ายสุ่ยหลินขอถามว่า 以前 [Yǐqián]  กับ 以后 [Yǐhòu] ตัวไหนแปลว่า "แต่ก่อน" ตัวไหนแปลว่า "หลังจากนั้น" เอ่ย?

ห้ามดูเฉลยก่อนนาา

สุ่ยหลิน
.
.
.
เฉลยจ้าาา..... ถูกกันป่าวว?
以前 [Yǐqián]  = แต่ก่อน (เพราะ 前 = อดีต)
以后 [Yǐhòu]  =  หลังจากนั้น (เพราะ 后= อนาคต)


Sunday, August 23, 2015

4 เหตุผลที่ทำไมเราต้องเรียนภาษาจีน!!

สุ่ยหลินเชื่อว่าทุกคนตอนเริ่มเรียนภาษาจีนใหม่ๆ ใจจริงแล้วอาจจะไม่อยากเรียนภาษาจีนเอาซะเลย รู้สึกว่าภาษาจีนโคตะระยาก เบื่อมากๆ แต่ก็ต้องเรียน อาจเพราะว่าเป็นวิชาเลือก วิชาบังคับ คะแนนไม่ถึง ไม่รู้จะเลือกอะไร ฯลฯ ส่วนอีกเหตุผลนึงที่ได้ยินบ่อยๆ คือทำงานในบริษัทมีหัวหน้าเป็นคนจีนที่พูดอังกฤษไม่ได้ หรือว่าต้องดีลงานกับเมืองจีนที่เค้าไม่พูดภาษาอะไรกันเลยนอกจากภาษาจีน ต้องการค้าขายกับเมืองจีน ติดต่อแหล่งซื้อขายของจีนราคาถูกแต่ไม่รู้สื่อสารยังไง โดนนายหน้ากินหมด ฯลฯ

ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มใจรัก ที่อยากเรียนเองอย่างใจจริง รักภาษาจีน อยากทำงานใช้ภาษาจีน 

ภาพจาก TIME magazine

แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรก็ตามแต่ วันนี้วันที่เรายังอยู่ ณ จุดนี้ สุ่ยหลินจะขอยืมธงหมอลักษณ์มาฟันว่า เรามาถูกทางแล้วววว!!! เฮๆๆๆ กันหน่อยจ้าาา

อะ..อะ..ไม่เชื่อใช่ป่าวคะ ?

มาติดตามเหตุผลดีๆ ว่าทำไมเราต้องเรียนภาษาจีนกันดีกว่า อ่านก่อนเถอะน่าแล้วค่อยตัดสินว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ใช่ป่าวตัวเองง



1. ตัวอักษรจีนไม่ได้ยากอย่างที่คิด (จริงอ๊ะ..ไม่เชื่อ) 
จริงค่ะ ภาษาจีน (สำหรับคนไทย) ยากแค่ตัวอักษรเท่านั้นนนนะ

ก่อนจะอธิบาย เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าภาษาจีนเป็นอักษรภาพ ดังนั้นตัวอักษรมันเองบอกความหมายแต่ไม่บอกเสียง เช่น 木  = ต้นไม้ ก็เขียนเลียนแบบภาพต้นไม้ที่ตาเห็น 
旦 = ตอนเช้าตรู่ (เพราะสี่เหลี่ยมข้างบนคือพระอาทิตย์ เส้นขีดข้างล่างคือเส้นขอบฟ้าที่พระอาทิตย์ลอยขึ้นมา)  山 = ภูเขา (เหมือนรูปภูเขาม่ะ?)  

ภาพจาก Chineasy-by-ShaoLan

ผิดกับภาษาไทยที่เป็นอักษรบอกเสียงแต่ไม่บอกความหมาย เช่น เราเรียน ก ไก่+สระอา เราออกเสียงได้ว่า "กา" แต่ถ้าเราไม่ได้เรียนความหมาย เราจะไม่รู้หรอกว่า "กา" นี้หมายถึงนกชนิดหนึ่ง หรือหมายถึง "กา" น้ำไว้ต้มน้ำก็ได้นะ

และเพราะว่ามันกลับข้างกันนิเอง ทำให้เราคนไทยว่าภาษาจีนยากกซ์ซ์!!

สุ่ยหลินอยากจะบอกให้ดีใจอีกด้วยว่า อักษรจีนแบบเขียนจากที่ตาเห็นหรือใกล้เคียงกับที่ตาเห็น พอเดาความหมายจากรากศัพท์ได้ มีถึง 98% แน่ะ เย่ๆๆ

2. ภาษาจีนแกรมม่าง่ายมากก  (จริงอ๊ะ..ไม่เชื่อ) 
เชื่อเต๊อะว่าจริงค่ะ เพราะไม่มี Tenses ไม่ต้องเปลี่ยนเพศชาย-หญิง การเรียงลำดับเหมือนภาษาไทยเป๊ะเลย 

  • ภาษาจีนไม่มี Tenses  ไม่ต้องมี Present Tense, Future Tense,  Perfect Tense และอีก ฯลฯ สุ่ยหลินเคยเขียนไว้แว้วที่นี่ค่ะ อ่านได้เล้ย (ภาษาจีนมี Tense หรือป่าว? วันนี้มีเฉลยนะตะเอง)
  • ภาษาจีนไม่ต้องเปลี่ยนเพศคำนามชาย-หญิงแบบภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ สุ่ยหลินสงสัยมานานแระว่าทำไมยางลบในภาษาฝรั่งเศสต้องเป็นผู้หญิงอ่ะ (une gomme) ผู้ชายเค้าไม่ใช้ยางลบเหรอ!
  • การเรียงลำดับก็ช่างจะเหมือนกับภาษาไทยซะเหลือเกินคือ S+V+Obj เช่น "ชั้นกินข้าว = 我吃饭"[wǒ chī fàn.] แต่มีภาษาอื่นๆ อ่านเรียงลำดับคำจากซ้ายไปขวาบอกว่า "ข้าวกินชั้น" (เห้ย!) หรือ"ชั้นข้าวกิน" (???) ก็มีนะในโลกนี้
ปล. ถ้าใครเคยเรียนภาษาญี่ปุ่น สุ่ยหลินบอกเลยได้ว่าแกรมม่าญี่ปุ่นยากกกกกกว่าจีนเย๊อะะะ หมวยเอาหัวเป็นตัวประกัน!

3. อินเตอร์เนตช่วยเราเรียนภาษาจีนได้ดียิ่งๆ ขึ้น (จริงอ๊ะ..ไม่เชื่อ) 
อันนี้ก็จริงค่าาา เพราะแต่ก่อนมันรันทดมากนะ ที่ต้องแบกดิกจีนเล่มเท่าหน้าเหลืองพกไปไหนต่อไหนหยั่งกะเข็มขัดกันชู้ เวลาเปิดก็แสนจะลำบากลำบน ต้องนับกี่ขีดๆ ของตัวข้างๆ ด้านซ้ายหรือบนก่อน 偏旁 [Piānpáng] นับได้แล้วถึงมาหาว่าจำนวนขีดของคำจริงๆ ว่ามีอีกกี่ขีด ถ้านับผิดก็จบห่าน ก็หาอยู่นั่นละ หาม่ะเจออยู่ดี ละครจีนพากย์จีนก็หาดูยากจังมีแต่ละครฮ่องกงพากย์ไทย และเรื่องยากเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ จาระไนกันไม่จบเลย

ภาพจาก line dictionary

เดวนี้น่ะเหรอ ง่ายมากคร่าา ดิกออนไลน์สิจ๊ะ มีหลายเว็บหลายแบบให้เลือก โหลด app ก็ได้ หรือจะฝึกฟัง youtube ก็ได้ ถ้าอยากลองแบบขั้นสูงแนะนำให้จัด youku หรือ tudou ซึ่งเป็น youtube ของจีนก็ได้ ดูละครจีนย้อนหลัง รายการทีวีอะไรมีให้เลือกสารพัดจัดเต็ม อยู่ที่จะทำรึป่าวแค่นั้นนน

4. ใช้ภาษาจีนได้ โอกาสในชีวิตจะมีมากขึ้นๆ 
จีนเจริญเร็วมากๆ อันนี้ทุกคนคงรู้กันดี ด้วยความที่คนจีน "ไม่พูด" ภาษาอังกฤษ ทำให้ใครจะดีลกะคนจีนก็ต้องพูดภาษาจีนกะเค้าด้วย

จึงมีความต้องการคนที่พูดภาษาจีนได้เพื่อมาทำงานกับคนจีน ใครพูดได้ก็ได้เปรียบ มีโอกาสมากกว่าคนอื่น ลองเทียบว่าวิดวะ 2 คนจบเหมือนๆ กัน ความรู้วิดวะเท่ากัน คนนึงพูดจีนไม่ได้ คนนึงพูดจีนได้ ใครจะมีโอกาสได้งาน ได้เงินเดือนดีกว่า? และถ้าใครคนไหนได้ภาษาอังกฤษด้วยก็แจ่มไปเลยนะ เพราะไปได้ 1/2 ของโลกใบนี้แล้ววว


ภาพจาก http://www.fluentu.com/


ส่วนสำหรับคนที่คิดว่า "เรียนทำไม๊ภาษาจีน แค่ภาษาอังกฤษยังไม่รอด คนจีนไม่มีมารยาทสังคม เราไม่เรียนภาษาจีนหรอก ชิ..ส์" สุ่ยหลินเคยเขียนไว้ที่นี่แล้วค่าา ในย่อหน้าสุดท้ายเลยนะ  (8 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับภาษาจีน)

งั้นกลับบ้านไปเริ่มเรียนภาษาจีนกันได้ เริ่มวันไหนดีที่สุดนะ? วันนี้ไงคะดีที่สุดเลย!

ปล. นอกเรื่องนิด ขอฟ้องว่าสุ่ยหลินโดนก๊อปเนื้อหาไปใช้เยอะเลย  T_T  แบบตัดชื่อสุ่ยหลินออก เปลี่ยนเนื้อหานิดหน่อยๆ แล้วอ้างว่าเขียนเอง เอาไปขายของมั่ง เอาไปโปรโมทเพจตัวเองมั่ง สุ่ยหลินเห็นเข้าก็เจ็บจิ๊ดๆ เพราะโพสนึง (อย่างโพสนี้) ใช้เวลาหาข้อมูล + เขียน + เรียบเรียงชั่วโมงกว่า จริงๆ ยินดีให้แชร์อยู่แล้วจ๊ะ ขอบคุณมากๆ ด้วยที่แชร์ แต่รบกวนแชร์จาก blog หรือ เพจสุ่ยหลินโดยตรง หรือไม่งั้นก็ให้เครดิตสุ่ยหลินหน่อยนะก๊าบบบ กราบขอบพระคุณจากใจค่าา จะได้มีแรงทำโพสดีๆ ต่อไปปปนะคะ^^

สุ่ยหลิน^^




















Monday, August 17, 2015

ชั้นรักเธอ。我爱你。 / ชั้นรักเธอ! 我爱你!/ ชั้นรักเธอ? 我爱你?

แต่ก่อนสุ่ยหลินเรียนภาษาจีน ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องเครื่องหมายวรรคตอน (标点符号--biāodiǎn fúhào)เท่าไหร่ คิดว่าก็เหมือนแค่ full stop ปิดประโยคในภาษาอังกฤษ ก็เขียนมั่งไม่เขียนมั่ง วงกลมทึบมั่ง กลวงมั่ง แล้วแต่ความรีบ แหะๆ  ไม่ดีนะค้า ทุกคนอย่าเอาเป็นตัวอย่างงนะจ๊ะ



เพิ่งได้มารู้เอาตอนหลังๆ จากเหล่าซือว่า 标点符号 นี่สำคัญนะ เพราะเป็นการบอกอารมณ์ของคนเขียนว่าต้องการสื่อความหมายยังไงบ้าง 

เวลาตอนเราพูดเราใส่อารมณ์ร่วมเข้าไปได้ จะอ้อน จะโกรธ จะดีใจ จะเพ้อ ก็ฟังจากน้ำเสียงเอาได้ แต่ตอนเขียนนี่สิ จะสื่ออารมณ์ยังไงก็ได้ 标点符号 นี่แหละหนาเป็นตัวบอก คนจีนเวลาเค้าอ่านเค้าก็รับรู้อารมณ์คนเขียนจาก 标点符号 นี่แหละจ้า

ดังนั้นหากหมู่เฮาจะเขียนภาษาจีนให้เป็นคนจีน ก็ต้องใส่ใจเรื่อง 标点符号 ไว้หน่อยดีกว่า เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ไม่ยากกกกเล้ยย! พับเผื่อยยจิ

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่า ภาษาจีนโบราณ (文言文--wényánwén) เนี่ย เป็นภาษาเหมือนคำกลอนค่ะ ไม่มีเครื่องหมายวรรคอะไรๆ เลย เขียนติดกันเป็นพรืดไปจนจบ กี่หน้าก็ว่าไป

พอภาษาจีนมีพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น เราเรียกภาษาจีนยุคใหม่นี้ว่า 现代汉语 (xiàndài hànyǔ) เค้าพบว่าจีนโบราณนั้นอ่านย้ากยาก ติดกันหมดไม่รู้จะวรรคตรงไหน  อ่านแล้วงงๆ ก่งก๊ง  ตกลงจบประโยคหรือยังนะ ? จึงมีการเอา 标点符号 หรือเครื่องหมายวรรคตอนมาใช้เพื่อให้คนอ่านง่ายขึ้นอ่ะค่ะ

และเจ้า 标点符号 นี่เองที่สุ่ยหลินอยากเล่าให้ฟังให้วันนี้นะ^^

ตัวที่ 1 句号 (jùhào)ใช้กันบ่อยมว๊ากๆๆ และใช้กันผิดมว๊ากกด้วย (สุ่ยหลินเป็นหนึ่งในนั้น--ขอสารภาพ) คือ 句号 ตามชื่อเลยนะไว้จบประโยค ฟังก์ชั่นการใช้เหมือน full stop ในภาษาอังกฤษแต่ที่ "ไม่เหมือน" และคนไทยชอบใช้ผิดมากๆ คือหน้าตาสัญลักษณ์เป็น 。(วงกลมกลวง) ไม่ใช่แบบนี้ .  (วงกลมทึบ) ที่เราคุ้นเคยแบบ full stop  (เพราะถ้าเป็นวงกลมทึบในภาษาจีน จะไม่ได้วางตอนจบประโยคค่ะ วางในที่อื่่น และมีหน้าที่หรือฟังก์ชั่นแบบอื่น)


句号 บอกอารมณ์กลางๆ บอกเล่าเฉยๆ บรรยายความไปเรื่อย ไม่รู้สึกไรมาก เช่น 我爱你。(wǒ ài nǐ.) แปลได้แบบว่าชั้นรักเธออ่ะนะ จบข่าวไม่อินอะไรเยอะ ก็เฉยๆ อ่ะนะ




ตัวที่ 2  感叹号 (gǎntànhào) คือเครื่องหมายตกใจนั่นเองค่ะ (!) อันนี้เราใช้ง่ายเข้าใจง่าย คล้ายภาษาอังกฤษเลยค่ะ 

www.jitu5.com

感叹号 บอกอารมณ์ตื่นเต้นตกใจก็ได้ (แบบภาษาอังกฤษ) หรือจะบอกว่าใส่อารมณ์ ใส่ความจริงใจลงในในคำพูดก็ได้นะ เช่น  我爱你!(wǒ ài nǐ!) แปลได้ เห้ย ชั้นรักเธออ่ะ! ใส่อารมณ์นะว่ารักมาก จริงใจนะ ไม่ได้พูดไปงั้นๆ

มีอยู่คำนึงที่สุ่ยหลินเห็นคนไทยพิมพ์ไม่ครบบ่อยๆ (เพราะสุ่ยหลินก็เป็น ฮี่ๆ) คือ 你好。ให้ถูกต้องแบบคนจีนแล้วต้องพิมพ์ว่า 你好!นะคะ เพราะเป็นการใส่ความจริงใจที่จะทักทายเค้าด้วย ไม่ใช่ทักทายไปงั้น ไปเนือยๆ เซ็งๆ ไรแบบนี้ค่า คนอ่านเค้ารับรู้ได้นะเหล่าซือว่างั้น




ตัวที่ 3  问号 (wènhào) ตามชื่อเลยค่ะคือใช้กับประโยคคำถาม (问 = ถาม) สัญลักษณ์แทนด้วย ? เหมือนภาษาอังกฤษค่ะ



www.pixabay.com


问号 บอกอารมณ์สงสัยหรือมีคำถาม เช่น 我爱你?(wǒ ài nǐ?) คนอ่านแปลได้ว่า ชั้นรักเธอป่ะเนี่ย? ตกลงชั้นยังไม่แน่ใจเลยว่าจะรักหรือไม่รักเธอนะ ประมาณนี้




นอกจากนี้ 3 ตัวนี้แล้ว 标点符号 ยังมีอีกหลายตัวนะคะ แต่สุ่ยหลินยก 3 ตัวนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะคนไทยใช้บ่อยและมักใช้ผิดเพราะเราชอบเอาไปเทียบกับภาษาอังกฤษ ที่ว่ากันตามตรง 标点符号 ของจีนก็ไม่เหมือนของอังกฤษซะทีเดียวค่าา

我爱你们!

สุ่ยหลิน^^



กับ跟 (gēn)? และ和 (hé)? ไปเป็นเพื่อน 陪 (péi)??

สวัสดีค่ะมิตรรักแฟนเพจ ห่างหายโพสไปสักพักเพราะช่วงนี้สุ่ยหลินมีภารกิจต้องไปเรียนหนังสือจีนค่ะ โพสเลยออกช้าไปหน่อย ขออภัยด้วยนะคะ แต่เนื้อหาจะคัดสรรมาให้โดนเหมือนเดิมมมเลยนะ  อย่าเพิ่งลืมสุ่ยหลินนะจ๊ะ^^ พลีสๆ

และเหมือนเดิม เรียนภาษาจีนสไตล์สุ่ยหลิน เราต้องหาคำง่ายๆ (แต่เราชอบงง) เทคนิคจำศัพท์เริ่ดๆ ให้จำได้ หรือวิธีเดาศัพท์ให้เป็น ให้เร็ว มานำเสนอค่าาา

วันนี้ก็เหมือนกันสุ่ยหลินขอนำเหนอคำว่า 跟 (gēn), 和 (hé) และ  陪 (péi) 

อ่า..หลายคนอาจร้องอี๊.. ชั้นเรียนมาตั้งแต่ไก่โห่แล้วล่ะจ๊ะ สุ่ยหลินจะสอนหนังสือสังฆราชเหรอไง?

ช่ายเลยค่ะทุกคน สุ่ยหลินก็เรียนคำพวกนี้มาตั้งแต่ไก่โห่แล้วเหมียนกัลลล แต่เพิ่งมารู้เอาทีหลังว่าคำพวกนี้ที่เรามองว่าเหมือนๆ กัน แทนกันได้ ไม่เห็นจะต่างตรงไหน จริงๆ แล้วมันมีความแตกต่างกันอยู่นิดๆ นะ 

มาติดตามกันค่ะ^^

คำแรก 跟 (gēn) =  "กับ" คำนี้ทุกคนรู้จักกันดีเลยใช่ไหม แต่ 跟 มีความหมายอย่างนึงที่คำอื่นๆ ไม่มี เพราะ 跟 มีความหมายว่าตามหรือเดินตามกันไปด้วย ลองดูประโยคข้างล่างนี้

http://img5.cache.netease.com

 我跟他去吃饭。 (wǒ gēn tā qù chīfàn.) ประโยคนี้แปลเผินๆ ก็แค่ "ชั้นกับเค้าไปกินข้าว" แค่นั้น แต่จริงๆ ความหมายตรงนี้คือชั้นกับเค้าไปกินข้าวอ่ะถูกแล้ว แต่ชั้นเป็นฝ่าย "ตาม" เค้าไปกินข้าวด้วย เค้าอาจเป็นคนเลือกร้าน ตัดสินใจกินร้านไหน ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะกินที่ไหนดี ไม่รู้จักร้าน แต่เห็นว่าเค้าไปก็เลยตามไปกินด้วย (แบบว่าไม่คิดเยอะ มันยากนา เรื่องที่คิดว่าจะกินอะไร กินที่ไหนเนี่ย!) สรุปเค้าเป็นคนนำและชั้นเป็นคนตามค่ะ

ผลลัพธ์ก็คือชั้นกับเค้าไปกินข้าวด้วยกัน (ชั้นตามเค้าไปกิน เค้ากินและชั้นก็กิน)




คำที่ 2 和 (hé)  = "และ" ทุกคนรู้จักคำนี้ดีนะคะ  แต่ 和 สื่อความหมายว่าทั้งสองสิ่งที่อยู่ระหว่าง和 มีความสำคัญหรือบทบาทเท่าๆกันค่ะ ถ้าอย่างเรื่องไปกินข้าวก็ไปด้วยกันอย่างเท่าๆ กัน ไม่ได้มีความหมายว่าตามใครไปเหมือน 跟 นะ


http://gamidang.com/

我和他去吃饭。(wǒ hé tā qù chīfàn.) ประโยคนี้แปลได้ว่า "ชั้นและเค้าไปกินข้าว" ตรงนี้จะหมายถึงว่าชั้นและเค้าต่างคนต่างอยากกินข้าว ต่างคนต่างรู้ว่าร้านข้าวอยู่ไหนเลยไปด้วยกัน ไปกินข้าวพร้อมๆ กัน ไม่มีใครตามใครว่างั้น

ผลลัพธ์ก็คือชั้นกับเค้าไปกินข้าว (ชั้นกินและเค้าก็กิน เหมือน 跟 นะ ต่างนิดหน่อยตรงที่ไม่มีใครนำใครตาม )

หรืออีกกรณีนึง เราถามถึงเพื่อนเราสองคน ว่ามันไปไหนหว่า จะมาเมาท์ด้วยซะหน่อย พี่อีกคนเลยตอบว่า A 和 B去吃饭了。 อย่างนี้หมายความว่าทั้งคู่ออกไปกินข้าว  ซึ่งอาจจะไปด้วยกันนั่งกินด้วยกัน หรือกินกันคนละร้านแบบต่างคนต่างไปก็ได้ค่ะ ถ้าจะให้ชัดๆว่าไปด้วยกันก็พูดแบบนี้ค่ะ A 和 B一起去吃饭。





คำที่ 3 陪 (péi) = "ไปเป็นเพื่อน" คำนี้จะง่ายหน่อยค่ะ เพราะชัดเจนกว่าสองคำข้างบน

我陪他去吃饭。(wǒ péi tā qù chīfàn.) ประโยคนี้แปลได้ว่า "ชั้นไปเป็นเพื่อนเค้ากินข้าว" เค้าน่ะรู้แล้วว่าจะกินร้านไหน ไปยังไงและอยากไปกินข้าวเอง แต่ให้ชั้นไปเป็นเพื่อน

www.rbw.org.cn

ผลลัพธ์ก็คือเค้าไปกินข้าว ส่วนชั้นไปเป็นเพื่อน ชั้นจะกินหรือไม่กินอันนี้ไม่ได้บอกไว้ในประโยคค่าาา (คือถ้าหิวหรืออยากกินก็กินอ่ะ สรุปคือไม่เหมือนข้างบนนะ)


เป็นไงกันบ้างคะ คำบางคำดูเหมือนง่ายๆ แปลได้ง่ายๆ แต่จริงๆ มี sense ของภาษาที่ซ่อนอยู่นะ เหล่าซือของสุ่ยหลินว่า ถ้าเราเรียนรู้ความต่างของคำพวกนี้ได้ดี ใช้ได้ถูกต้อง พูดปั๊บคนจีนจะเข้าใจเลยว่าเราต้องการจะบอกอะไร มีนัยยะอะไรซ่อนอยู่ในคำพูดธรรมดาๆ ที่เราบอกค่ะ

你们和我一起学习汉语吧! (nǐmen hé wǒ yīqǐ xuéxí hànyǔ ba!) แฟนเพจและสุ่ยหลินเรียนภาษาจีนไปด้วยกันนะจ๊ะ^^

จะตั้งใจทำโพสให้ดีๆ ให้แฟนเพจเรียนภาษากับสุ่ยหลินเก่งๆ ขึ้นทุกคนค่าา

สุ่ยหลิน^^





















Monday, August 10, 2015

ทำไม 点,刻 และ 分 ถูกใช้ในการบอกเวลาล่ะ?

ในบทเรียนแรกๆ ของภาษาจีนตั้งแต่เริ่มต้นเลย เราต้องเรียนเรื่องบอกเวลาใช่ป่าวคะ เหล่าซือก็สอนให้เรารู้จักคำว่า 点 , 刻,  分 ซึ่งเป็นหน่วยในการบอกเวลา เราเองก็ตั้งหน้าตั้งตาท่องกันไป แต่ไม่รู้หรอกว่าทำไมเราต้องเรียกว่า 点 , 刻,  分 นะ?

วันนี้สุ่ยหลินมีที่มาของคำพวกนี้มาเล่าให้ฟังค่า เราจะได้จำอย่างมีหลักการ จำอย่างมีที่มา ที่สำคัญจำได้แม่นขึ้นด้วยน้าาา อ่านแล้วทุกคนต้องร้อง เห้..หนักมาก เอ้ยไม่ใช่ร้อง เฮ้ย..หนักมาก ว่ามันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ!

อย่างที่พูดข้างบน การบอกเวลาในภาษาจีนเราใช้ 点 ในการบอกชั่วโมง ใช้ 刻 ในการบอกจำนวน 15 นาที และใช้ 分 ในการบอกนาที


ทั้งๆ ที่เราเรียนมาว่า 点 (diǎn) แปลว่าจุด  刻 (kè) แปลว่าแกะสลักและ  分 (fēn) แปลว่าแบ่ง แต่ไหงมาเกี่ยวกับการบอกเวลาได้ไงนะ? 




เป็นแบบนี้ค่าาา สุ่ยหลินไม่รู้ว่าใครเคยเห็นหน้าปัทม์นาฬิกาแบบสมัยโบราณป่าวคะ แต่ก่อนหน้าปัทม์พวกนี้ทำด้วยไม้แกะสลักนะ ตรงเลข 12 ,3 ,6 และ 9  ช่างเขาจะแกะสลักบากไม้เป็นขีดใหญ่ๆ ให้เห็นชัดๆ ส่วนเลขอื่นๆ ถือว่าเป็นจุดเวลาเล็กๆ ก็เลยแต้มๆ สีเอา และตรงระหว่างที่แต้มก็ยังมีขีดย่อยแบ่งไปอีกเป็นหน่วยนาที

เลยกลายเป็นว่าจำนวน 15 นาทีที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า quarter ภาษาจีนเลยเรียกว่า 刻 (เพราะ "แกะสลัก" เป็นบากใหญ่ตรงเลขจำนวนเท่าของ 15 นาทีพอดี) 

ส่วนจำนวนนาทีที่เกิดจากการถูกแบ่งก็เรียกว่า 分 (เต็มๆ คือ 分钟) ตามความหมายของ 分 ที่แปลว่า "แบ่ง" 

และชั่วโมงก็เรียกว่า 点 แทนความหมายที่แปลว่า "แต้ม" เช่นนี้แลค่ะ^^

ก่อนจบ มาดูการบอกเวลาในภาษาจีน ทบทวนกันหน่อยดีกว่าเนอะ 

ภาษาจีนใช้ รูปแบบ 12 ชั่วโมงในการบอกเวลาน้า แล้วใส่ช่วงเวลาว่าเช้าหรือเย็น กลางวันหรือกลางคืนไว้ข้างหน้าตัวเลขบอกเวลาค่ะ ง่ายม่ะ เหมือนของไทยเลย

  • 08:00     8 โมงเช้า                           早上8 点 (zǎoshang 8 diǎn)
  • 10:15     10 โมงเช้า 15 นาที            上午10 点一刻  (shàngwǔ 10 diǎn yīkè)  หรือ  上午10点 15分 (shàngwǔ 10 diǎn 15 fēn)
  • 15:45     บ่าย 3 โมง 45 นาที            下午3 点三刻 (xiàwǔ 3 diǎn sān kè) หรือ 下午3 点 45 分 (xiàwǔ 3 diǎn 45 fēn)

ปอลิง *สำคัญนะจ๊ะ* สำหรับเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่นิยมเรียก 两刻 (liǎng kè) แต่ใช้คำว่า 半 (bàn) ที่แปลว่า "ครึ่ง" แทนค่ะ เช่น

  • 19:30     ทุ่มครึ่ง                               晚上7点半  (wǎnshàng 7 diǎn bàn)

เพิ่มเติมคำบอกช่วงเวลานะคะ
ต้องบอกอย่างนี้นะคะว่าคนจีนสมัยก่อน บอกช่วงเวลาโดยดูจากพระอาทิตย์ค่ะ ช่วงเวลาข้างล่างคือช่วงเวลาคร่าวๆที่ใช้กันโดยทั่วไป บางตำราอาจแตกต่างจากนี้ก็ไม่ถือว่าผิดนะคะ ถ้าสื่อสารกันเข้าใจ 

早上 คือช่วงเวลาเช้า พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งหมายถึงเวลาประมาณ 05:00-09:00   ค่ะ
上午 คือช่วงสาย เวลา 09:00-11:00 
中午 คือเที่ยงวันค่ะ อนุโลมให้ใช้ช่วงเวลา 11:00-13:00
下午 คือช่วงบ่าย ใช้ได้ตั้งแต่บ่ายโมงยันพระอาทิตย์ตก ก็ประมาณ 13:00-19:00
晚上 คือตอนค่ำพระอาทิตย์ตกแล้ว เวลา 19:00 -24:00
凌晨 คือก่อนรุ่งเช้าจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้น  เวลา 01:00-06:00



คราวนี้เรารู้ที่มาที่ไปของคำว่า 点,刻 และ 分 ว่าทำไมมันถูกนำมาใช้เป็นหน่วยเวลาได้ยังไง สุ่ยหลินเชื่อว่าจะทำให้จำแม้นแม่นขึ้นเป็นกองเลยล่ะ

สุ่ยหลิน^^





รวมศัพท์จีนง่ายๆ แต่ไหง (ทำไม) งง??

ไม่รู้ว่าใครเคยเป็นแบบสุ่ยหลินป่าว ตอนเรียนภาษาจีนใหม่ๆ คนจีนพูดมาหรือเราอ่านเจอประโยคบางประโยค เราแปลออกทุกคำเลยอ่ะ บางทีก็เป็นศัพท์ที่เราเห็นบ่อยๆ อ่านออกทุกตัวเลยนะ แต่พอเอามารวมกันแล้วงงมากพะย่ะค่ะ! ว่ามันคืออาไล??

วันนี้สุ่ยหลินรวบรวมมานำเสนอค่ะ มั่นใจว่าพวกเราต้องเจอกันบ่อยแน่นอน มาติดตามกันเรยยค่าาา

1. 我来。 (wǒ lái) ในเมื่อ “หว่อ” คือ “ชั้น” และ “ไหล” คือ “มา” งั้นคำนี้ก็ต้องแปลว่า “ชั้นมาๆๆ” แน่ๆ

คำตอบคือ....ไม่ใช่ค่า (ตึงส์!!)



ภาพจาก Zhang Chengliang for China Daily

我来 เนี่ยจะใช้เวลาที่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วคนพูดต้องการบอกว่า “เดี๋ยวชั้นเอง” หรือ “เดี๋ยวชั้นทำเอง” เช่น กำลังจะจ่ายเงินค่าอาหาร โดยธรรมเนียมแล้วคนจีนต้อง (แย่ง) กันจ่ายเล็กน้อย (เพื่อรักษาหน้า) ทุกคนจะพร้อมใจพูดว่า 我来。我来。 หมายถึง “ชั้นจ่ายเอง ให้ชั้นจ่ายเถอะ” (ที่สุดแล้วหลังเกิดสงครามย่อยๆ ต่อหน้าสาวเสริฟแล้วก็มีผู้ชนะ ที่ต้องจ่ายเงินค่าอาหารคนหนึ่งไป สาวเสริฟร้องเฮ่.. เสร็จซะที)

ดังนั้น จึงอาจจะกล่าวได้ว่า 我来  ในที่นี้น้าน ไม่มีอะไรเกี่ยวกับใครมาไหนไปไหนเลยค่า งงม่ะ!

2. 算了。 (suàn le) ในเมื่อ 算 แปลว่า "นับ" 了 คือ "แล้ว" งั้นก็ต้องแปลว่านับแล้วๆ น่ะสิแน่นอนโลก

คำตอบคือ.....ไม่ใช่ค่า (ตึงส์!!++)



ภาพจาก guaixun.com (แปล -- ลูกเพ่ ช่างแม่มเห๊อะ, หมากล่าว)

คำว่า 算了。คนจีนเค้าจะแปลว่า “ช่างหัวมัน” หรือ “ให้มันแล้วๆ ไป” หรือจะแปลให้ฮาร์ดคอร์จะแปลว่า "ช่างแม่ม" ก็ได้ค่ะ จะมีความรู้สึกแบบกึ่งรำคาญไม่อยากพูดถึงก็ได้ หรืออยู่ในอารมณ์เศร้ากำลังปลงอนิจจังก็ได้เหมือนกัน

เช่น เพื่อนถามว่าตกลงกระเป๋าหายนี่มือถือหายด้วยป่าว อาจได้ยินคำตอบว่า 算了。“เออ อย่าพูดถึงได้หม๊าย” (เพราะมือถืออยู่ในกระเป๋าก็คงตามกันไปแล้ว) ถ้าดีกรีมากอาจเบิ้ลได้ว่า 算了算了。ได้ 2 หน (แต่ 3 หนนี่ยังไม่เคยได้ยินนะ ถ้าไม่ตั้งใจพูด 3 หน)

ดังนั้น 算了。จึงไม่ได้เกี่่ยวอะไรกับการนับเลยนะจ๊ะ ตะเองง


3. 不要紧。 (bùyàojǐn) 紧 แปลว่า "เครียด แน่น หรือด่วน" ก็ได้ ดังนั้น คำนี้น่าจะแปลว่า เก๊าไม่อยากเครียด หรือ ไม่อยากรีบทำนองนี้แหงๆ

คำตอบคือ.....ใกล้เคียงค่า (ซะที เฮ่!!)


湖南教育政务网 -心态调整:高考没什么可怕的
ภาพจาก http://www.dlgfy.com/yuedu/y83yQwJ8nnFNiWJ8.html
(แปล--ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าลองใหม่ๆ ขยันๆ ใหม่นะ)

不要紧。มักใช้เป็นคำพูดเวลามีเหตุการณ์รีบๆ ร้อนๆ ลนๆ คนพูดต้องการบอกคนฟังว่า “ไม่ต้องรีบนะ” "ใจเย็นๆ นะ" "ไม่เป็นไร" หรือจะใช้กับเวลาเกิดอะไรขึ้นแล้วคนพูดคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ได้ เช่น ทำแก้วหกรดโดนหนุ่มเวลาเดทกัน ตามธรรมเนียมหนุ่มก็ต้องบอกว่า 不要紧。 不要紧.。หมายถึงไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส เล็กๆ น้อยๆ จ๊ะตัวเองงง (แต่แต่งงานแล้วอีกเรื่องนะ)

4. 小心 (xiǎoxīn) คำว่า 小 = เล็กและ 心 = ใจ เกี่ยวอะไรกับใจเล็ก? หรือว่าจะหมายถึงคนใจแคบ คิดเล็กคิดน้อยนะ?

คำตอบคือ.....ไม่ใช่ค่า! (อีกแล้ว)


ภาพจาก weili.ooopic.com
(แปล--ระวังชนหัว)

คำว่า 小心 แปลว่าระมัดระวังต่างหาก เช่น เดินบนถนนรถมา สามารถบอกเพื่อนได้ว่า 小心! หรือ 小心点! (xiǎoxīn diǎn) ที่แปลว่า ระวังหน่อย!ก็ไม่ผิดกติกาค่ะ

ดังนั้น 小心 ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับใจแคบ ขี้งกทำนองนี้เลยน้า


5. 可不是! (kěbushì) เพราะคำนี้มีคำว่า 不 อยู่ ดังนั้นแปลว่าอะไร ณ บัดนาวเราไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องเป็นคำปฏิเสธแน่นอนแหงแซะ!

คำตอบคือ...ผิดค่า!ว้าา



คำว่า 可不是!แท้จริงแล้วเป็นคำตอบรับค่ะ แปลแบบง่ายๆ ไม่ต้องซับซ้อนเลยว่า "yes" คือเห็นด้วยกับคนพูดพูดมานั่นแล

สุ่ยหลินเคยเขียน 可不是!ไว้แล้วลิงค์นี้ค่ะ ใครยังไม่เคยอ่านติดตามได้เล้ย http://chinesexpert.blogspot.com/2015/07/blog-post_8.html

ตอนนี้ศัพท์ง่ายๆ อย่างข้างบน ก็ไม่ทำให้เรางงได้อีกแร้ววล่ะ ใช่ไหมคะ?

可不是!


สุ่ยหลิน^^


Friday, August 7, 2015

5W 1H ในภาษาจีน

ตอนสมัยเราเรียนภาษาอังกฤษ คุณครูเค้าก็ให้เราท่อง 5W1H ใช่ไหมคะ จำกันหรือป่าว เพราะ 5W 1H เป็นการตั้งคำถาม เพื่อบอกว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไงและทำไม (Who, What, When, Where, Why & How)

ภาษาจีนก็มีเหมือนกันเลยค่าาา และคำพวกเนี้ยเป็นคำสำคัญเพราะเป็นต้นกำเนิดของการถามคำถามในทุกภาษาเลยนะ เอาเป็นว่ารู้ 5W 1H เนี่ยก็ถามอะไรได้ครอบจักรวาลเลยล่ะ (เว่อร์!)

นอกจากนี้ รู้หรือป่าวว่า บางทีเนี่ยเรายังใช้คำพวกนี้ในลักษณะอื่นๆ ที่ไม่ใช่คำถามด้วยนะ งั้นวันนี้เรามารู้จัก 5W 1H ในภาษาจีนกันดีกว่าน้า


คำที่ 1 谁 (shéi / shuí) = ใคร

ออกเสียงได้ 2 อย่างนะ จะพูดว่า 谁 (shéi) (เสย) ใช้กับภาษาพูดก็ได้ หรือจะพูดว่า (shuí) (สุย) มักใช้กับภาษาเขียนก็ได้เหมือนกันค่ะ

วิธีใช้ก็เหมือนกับ “ใคร” ในภาษาไทยเลยค่ะ

เช่น ไปงานเลี้ยงรุ่น เจอเพื่อนเก่าแต่จำไม่ได้แล้วว่าคือใคร สวยขึ้นจมเลย เลยกระซิบถามเพื่อนอีกคนว่า 她是谁? (tā shì shéi) เค้าคือใครอ่ะ?


ภาพจาก midogcat.pixnet.net (แปล--เดาดิ๊ ชั้นคือใคร?)

แต่หากว่าเขามาทักเราแบบว่าฉุกละหุก นึกชื่อไม่ออก แก่แล้วความจำไม่ดี จะถามว่า 你是谁?(nǐ shì shéi) เธอเป็นใครอ่ะ? คนจีนเขาว่าวิธีพูดแบบนี้ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่

ให้พูดอย่างนี้แทนค่ะ 你是…? (nǐ shì…) เธอคือ… (ลากเสียง shì ยาวๆหน่อย แล้วทำท่าทางนึกหน่อยนะ ) คู่สนทนาเราจะรู้เองค่ะ ว่าเรานึกชื่อเขาไม่ออก หรือจำเขาไม่ได้แล้ว เขาก็จะแนะนำตัวเองให้เรารู้เองค่ะ


นอกจากนี้ 谁 ไม่จำเป็นว่าอยู่ในประโยคแล้วจะเป็นประโยคคำถามเสมอไปนะคะ ต้องดูบริบทของประโยคทั้งหมดประกอบกัน ลองดูตัวอย่างประกอบดีกว่า

他是一个好心人,谁都喜欢他。(tā shì yī gè hǎoxīn rén, shuí dōu xǐhuān tā) เขาเป็นคนมีน้ำใจ ใครๆก็ชอบเขา (จะเห็นว่าไม่ใช่การถามนะจ๊ะ)

แต่ถ้าหากเติม 的 ต่อท้าย กลายเป็น 谁的 หมายถึง “ของใคร” เช่น เราเจอ Iphone ของใครไม่รู้วางไว้ในห้องเรียน เราก็หยิบขึ้นมาแล้วตะโกนถามว่า 这个是谁的苹果手机? (zhège shì shuí de píngguǒ shǒujī?) = ไอโฟนของใครจ๊ะ? หรือสั้นๆ  这个是谁的 (zhège shì shuí de) = นี่ของใครอ่ะ? ก็ได้ค่ะ (สามารถละ 苹果手机ได้ในฐานที่ว่าคนมองมาก็รู้ว่ามันคืออะไร)



คำที่ 2 什么 (shénme)
แปลว่า “อะไร” ในภาษาไทยค่ะ ลองมาดูวิธีใช้กัน



ภาพจาก www.flsjg.com (แปล--ความรักหมายถึงอะไร?)


你在做什么?(nǐ zài zuò shénme) เธอกำลังทำอะไรอยู่?
什么意思?(shénme yìsi) หมายความว่าไงอ่ะ?

เช่นเดียวกันค่ะ บางครั้งในประโยคที่มีคำว่า 什么 ไม่ได้แปลว่าเป็นประโยคคำถามเสมอไป เช่น เพื่อนถามว่ากลางวันนี้กินอะไรดี เราเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน เลยตอบไปว่า 什么菜都可以吃。(shénme cài dōu kěyǐ chī) = กินอะไรก็ได้ (แล้วรอให้เพื่อนเสนอ ค่อยบอกว่าไม่เอาอ่ะ กินอันนั้นเหอะ เป็นงั้นไป - -')



คำที่ 3 哪里 / 哪儿 (nǎlǐ / nǎ'er)
แปลเป็นไทยว่า "ไหน"  หรือ “ที่ไหน” ค่ะ

ความแตกต่างก็คือ 哪里 นี่คนจีนทางใต้ใช้กัน รวมถึงไต้หวันด้วย ส่วน 哪儿 ก็คนจีนทางเหนือใช้กันค่ะ

ในรูปแบบคำถาม เราจะเห็นกันบ่อยๆ เช่น

地铁站在那里? / 地铁站在哪儿? (dìtiě zhàn zài nǎlǐ? / dìtiě zhàn zài nǎ'er?)
สถานีรถไฟใต้ดินอยู่ที่ไหนคะ?



ภาพจาก qqapp.qq.com  (แปล--รักแท้อยู่ที่หนายยย?)


ถ้าไม่เกี่ยวกับคำถาม 哪里 ก็สามารถใช้เป็นคำตอบรับคำชมก็ได้ค่ะ (แต่ 哪儿 ใช่ไม่ได้นะตัววว)

เช่น มีคนชมเราว่าภาษาจีนดี 你中文说得很好!(nǐ zhōngwén shuō dé hěn hǎo!) ถึงแม้เรารู้ว่าเก่งพอตัว อิ อิ เราก็ต้องถ่อมตัวหน่อยนึงอ่ะนะ
ก็สามารถตอบได้ว่า 哪里,哪里!(nǎlǐ, nǎlǐ !) แปลได้ว่า ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้า ไม่เก่งขนาดหร้อก



คำที่ 4 什么时候 (shénme shíhòu)
คำนี้แปลเป็นไทยได้ว่า "เมื่อไหร่"

เช่น เพื่อนพิรี้พิไรไม่ไปสักที ถามว่า 你什么时候走?(nǐ shénme shíhòu zǒu) เธอเมื่อไหร่จะไปเนี่ย?



ภาพจาก www.25pp.com (แปล--เมื่อไหร่ไอโฟน 6s จะขายซะที?)


และเช่นกัน ประโยคที่มีคำว่า 什么时候 ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นประโยคตลอดไปนะคะ เช่น เราอยากชวนเพื่อนไปเที่ยว ถามว่าว่างเมื่อไหร่อ่ะ เพื่อนสามารถตอบได้ว่า 什么时候都可以。(Shénme shíhòu dōu kěyǐ) แปลว่าเมื่อไหร่ก็ด้ายย (ว่างตล๊อด)




คำที่ 5 为什么 (wèishénme)
แปลเป็นไทยได้ว่า "ทำไม"

เช่น 你为什么没有空?(nǐ wèishéme méiyǒu kòng?) = ทำไมไม่ว่างเลยอ่ะ?
你为什么不爱我? (nǐ wèishéme bù ài wǒ?) = ทำไมเธอไม่รักชั้นห๊ะ? (เดวมีเรื่อง!)


แล้วก็เช่นกันกับตัวอื่นๆ 为什么 นี้ บางทีก็ไม่ได้เป็นคำถามเสมอไปนะ ลองดูประโยคนี้กัน

你为什么这样做! (nǐ wèishéme zhèyàng zuò!) = ทำไม (เธอ) ทำอย่างงี้ฮะ!  สังเกตว่าประโยคนี้ไม่ใช่คำถามค่า เพราะไม่ได้ต้องการคำตอบว่าเมื่อกี้ทำอะไรลงไป



ภาพจาก dianzi.gerenjianli.com 
(แปล-- ทำไมคนโชคดีคอยแต่จะมีโชค ส่วนคนโชคร้ายมักเจอแต่เรื่องซวยๆ)


คำที่ 6 
怎么/ 怎么样 (zěnme / zěnmeyàng)

怎么แปลเป็นไทยได้ว่า "ยังไง" มาดูตัวอย่างกัน

从这道那怎么走?(cóng zhè dào nà zěnme zǒu?)
จากตรงนี้ไปถึงตรงโน้น  ไปยังไง?

หรือเพลงดังของเติ้ง ลี่จวิน (邓丽君)  你怎么说? (nǐ zěnme shuō)
เธอจะพูด (แก้ตัว) ยังไง?

ภาพจาก henan.qq.com

มีอีกคำที่เจอบ่อยๆค่ะ คือ  怎么样 (zěnmeyàng) คำนี้อาจไม่ได้อยู่ใน 5W1H ค่ะ แต่ก็เป็นคำที่ใช้บ่อยมากๆ เหมือนกัน เป็นคำถามทำนองถามความคิดเห็นค่ะ เทียบได้กับ how about 

เช่น เรากลับบ้านเยี่ยมพ่อแม่ ถามท่านว่า 您们身体怎么样? (nínmen shēntǐ zěnme yàng?) = ช่วงนี้สุขภาพป๊าม๊าเป็นไงมั่งคะ?

หรือชวนคุณแฟนไปดูหนัง ตะล่อมถามว่าดูเรื่องนี้ดีมั๊ย (MI 5 เราไม่อยากดู อยากดู Inside Out)  这个电影怎么样?(zhège diànyǐng zěnme yàng?) = หนังเรื่องนี้เป็นไง ดีป่าว?

คำว่า 怎么 กับ 怎么样 มีความแตกต่างที่วิธีการใช้นะ คือ 怎么 ต้องตามด้วยกริยา เป็นโครงสร้าง 怎么+ กริยาค่ะ เช่น 


  • 怎么想? (zěnme xiǎng?) = คิดยังไง?
  • 怎么吃? (zěnme chī?) = กินยังไง?
  • 怎么办? (zěnme bàn?) = ทำยังไง?

ส่วน 怎么样 สามารถเป็นภาคแสดงจบได้ในตัว เช่น

  • 最近怎么样? (zuìjìn zěnme yàng?) =  ช่วงนี้เป็นไง?
  • 爱情怎么样? (àiqíng zěnme yàng?) = ความรักเป็นไง?
  • 考试怎么样? (kǎoshì zěnme yàng?) = สอบเป็นไง?

คราวนี้เราก็ถาม-ตอบได้ครอบจักรวาลลลแร้ววว

สุ่ยหลิน^^













Monday, August 3, 2015

คนจีนเค้าเขียนตัวหนังสือตามที่เห็นตาเห็น!

สุ่ยหลินไปเจอเกมทายคำมาค่ะ น่าสนใจมากๆ สำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาจีนเลยนะ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังสือสำหรับเด็กแต่ก็ช่วยให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆ เรียนภาษาจีนตั้งแต่เริ่มได้ดี เข้าใจที่มา ที่สำคัญไม่ลืมด้วยว่าทำไมถึงเขียนแบบนี้

อย่างที่เรารู้กันนะคะ คนจีนโบราณนี่เค้าเขียนตัวอักษรจากสิ่งที่เค้าเห็นตามธรรมชาติ อักษรจีนจึงเป็นอักษรภาพ บอกว่าภาพนั้นคืออะไรแต่ไม่บอกเสียง

กลับข้างกะภาษาไทยที่เป็นอักษรบอกเสียงแต่ไม่บอกภาพ เพราะถ้าเราสะกด ก ไก่ + สระอาได้ เราก็ออกเสียงเป็น "กา" ได้ แต่ถามว่ารู้จักป่าวว่าก็กาคือนกชนิดหนึ่งสีดำ คำตอบคือไม่รู้ ต้องมาเรียนทีหลัง

ดังนั้น อักษรจีนที่ว่ายากๆ เพราะมันมีการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตั้ง 5 พันปี รูปร่างอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปเยอะ เราจึงไม่รู้ว่าที่มาแต่แรกหน่ะ มากันแบบนี้!

วันนี้เรามาเริ่มแต่ก้าวแรกเลยดีไหมคะ เลือกเติมคำลงในช่องว่าง สังเกตดีๆ สุ่ยหลินย้ำว่าเค้าเขียนอย่างที่ตาเค้าเห็นจริงๆ เลยน้า



เติมอักษรในช่องว่าง 
山      木      鱼      犬      土      
川     水     日     鸟

http://jpfsyd-classroomresources.com/r45.html

ป.ล. มีตัวนึงคือ นก นะคะ อย่ามองเป็นไก่เหมือนสุ่ยหลินล่ะ 

เดวสุ่ยหลินมาเฉลยทีหลังน้า อย่าลืมว่าก้าวแรกของเราคือก้าวต่อไปของอนาคตนะค้าา (คมม่ะ ตัวเอง)

สุ่ยหลิน^^


เฉลยแล้วนะจ๊ะ


เป็นไงบ้างทำถูกกันไหมเอ่ย?








จีนกะไทย อยู่ไม่ไกล ก็พี่น้องกัน สำนวนยังใกล้กันเล้ย!

เหล่าซือของสุ่ยหลินเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีคนจีนเยอะแยะเลยที่อพยพลงทางใต้ ไม่ว่าจะมาเวียดนาม ลาว พม่า ไทยหรือมาเลเซีย สังเกตดูสิ แม้กระทั่งตัวหนังสือที่เวียดนามใช้ตอนแรกๆ ก็ยังเป็นตัวหนังสือจีนเลยนะ 

คนจีนโพ้นทะเลเหล่านี้ เข้ามาประเทศใหม่ๆ ก็นำเอาภาษา วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตเข้ามาด้วย อิทธิพลของภาษาจีนก็เลยไหลมาสู่ภาษาไทยพอสมควร สำนวน สุภาษิตบางอย่างที่จีนมี ไทยก็มี แถมยังเข้าใจได้ไม่ยากอีกด้วยนะ (เหล่าซือเค้าว่างั้น หรือว่าเป็นกุศโลบายที่กำลังใจนักเรียนซะก็ไม่รู้ อิ อิ)

วันนี้สุ่ยหลินมีสุภาษิตสำนวนจีน-ไทย ที่ใกล้เคียงกันมั่กๆ มาเล่าสู่กันฟัง เชื่อไหมคะ บางอันเหมือนกันเด๊ะๆ ไม่รู้ใครลอกใคร บางอันอ่านภาษาจีนปุ๊ป ก็เข้าใจได้ทันทีว่าภาษาไทยจะว่าไง มาติดตามกันดีกว่าค่ะ

1. 一石二鸟。(yì shí èr niăo)  = เขวี้ยงหินก้อนนึงได้นกสองตัว


ภาพจาก http://www.hschinese.com/en/node/5448

สุ่ยหลินมั่นใจว่าอันนี้ทุกคนเดาออกแน่ๆ ก็คือใกล้เคียงกะ "ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว" ในภาษาไทยนั่นเองงค่าา

มีอีกสำนวนของจีนที่ความหมายใกล้กันค่ะ คือ  一箭双雕。(yī jiàn shuāng diāo)" ยิงธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวสองตัว" 

แต่เค้าว่าดีกรีความยากมันผิดกัน ถ้าเอาหินเขวี้ยงนกเนี่ยปัญหาไม่ใหญ่เท่ายิงธนู เพราะถ้าถือว่านกเป็นตัวปัญหาก็ถือว่าเป็นปัญหาระดับธรรมดา แต่ถ้าเป็นเหยี่ยวก็แปลว่าปัญหาระดับชาติ!

ปอลิง งงอย่างเดียว สุ่ยหลินว่าเอาหินเขวี้ยงนกยากกว่าเอาธนูยิงเหยี่ยวเป็นไหนๆๆ 


2.  杀鸡给猴看。 (shā jī gěi hóu kàn) = ฆ่าไก่ให้ลิงดู

ภาพจาก http://www.lieyunwang.com/archives/52101

อันนี้ก็ง่ายค่าาา แต่คนไทยใช้คำว่าเชือดแทนฆ่านะ แต่ไก่ก็ตายเหมือนกันเปี๊ยบ ไม่แน่ใจว่าใครลอกใครค่ะ แต่แปลกใจว่าทั้งคนไทยคนจีนเข้าใจบริบทของการฆ่าไก่ให้ลิงดูว่าเป็นการลงโทษให้ดูเป็นตัวอย่างจะได้กลัวไม่กล้าทำ เหมือนกันเลยนะ


3. 除非太阳从西边出来。 (chú feī tài yáng cóng xī biān chū lái) = สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก (ซะล่ะม๊างงง)

สุภาษิตนี้ภาษาไทยก็มีนะ น่าจะใช้คำนี้เหมือนกันเลย แปลได้ประมาณว่าเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เป็นไปได้ซะแล้ว  เช่น ร้อยวันพันปีแฟนไม่เค้ยเคยซื้ออะไรให้เลย วันนี้ซื้อดอกไม้มาให้!! เราก็พูดสำนวนนี้ได้ค่าา 除非太阳从西边出来。 แล้วรีบถ่ายรูปจดวันที่ไว้น้า เผื่อจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างน้อยได้มีบันทึกไว้เป็นความทรงจำ 55



4. 水能载舟,亦能覆舟。 (shuǐ néng zài zhōu, yì néng fù zhōu) = น้ำสามารถทำให้เรือลอยได้ ก็จมเรือก็ได้เหมือนกัน

สุภาษิตนี้สุ่ยหลินว่าใกล้เคียงกับคำว่า "ดาบสองคม" ในภาษาไทยค่ะ เป็นการเปรียบเทียบถึงอะไรอย่างนึงที่เป็นประโยชน์ก็ได้ หรือเป็นโทษก็ได้ มีทั้งคุณและโทษ

ภาพจาก http://www.gyclass.com/

ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น ความมีชื่อเสียง ดาราดังๆ เค้ามีชื่อเสียง เงินทองไหลมาเทมาเยอะแยะ แต่ก็ต้องแลกกับการที่ไม่มีความเป็นส่วนตัว จะกินข้าวที่ไหน ใช้มือถือยี่ห้ออะไร แต่งตัวแบรนด์ไหน คบใคร เลิกกะใครก็มีคนอยากรู้ไปหมด ทำดีก็ดังขึ้น ทำไม่ดีก็ดับ ยิ่งหากทำอะไรที่สังคมแอนตี้นี่ โอกาสจบอาชีพก็เป็นไปได้


5. 三思而后行 。(sān sī ér hòu xíng) = คิดสามครั้งแล้วค่อยทำ

三思而后行?聪明人的“陷阱”
ภาพจาก http://www.xinli001.com/

อันนี้น่าจะคุ้นๆ นะคะ ใกล้เคียงกับ "คิดก่อนทำ" ในภาษาไทยนั่นเอง คำว่าคิดสามครั้งไม่ได้แปลว่าต้องคิดถึงสามครั้งตรงตัวเป๊ะๆอะไรหรอกค่าา หมายถึงให้คิดทบทวนให้ดีก่อน แล้วค่อยลงมือทำ เช่น เพื่่อนบอกจะเลิกเรียนและมาแต่งงานล่ะ เราก็บอกได้ว่าคิดดีๆ ก่อนค่อยตัดสินใจนะ 三思而后行 。 นะจ๊ะๆ

เห็นอย่างนี้ สงสัยต้องเชื่อเหลาซือสุ่ยหลินล่ะ ว่าคนไทยเรียนภาษาจีนไม่ยากเล้ยยยย!

สุ่ยหลิน^^